![]() |
||||
![]() |
||||
![]() |
||||
![]() |
![]() |
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
||
![]() |
![]() |
|||
ครกกระเดื่อง |
||||
เมนู |
||||
ก่อนที่จะมีโรงสีข้าวนั้น ครกกระเดื่องเป็นเครื่องมือ สำคัญในการแปรรูปข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสารโดยวิธีการตำข้าว วิธีการตำข้าวแบบเดิมของชาวอีสานนั้นเป็นการกระเทาะแยกเอาเปลีอกหุ้มจากเมล็ดข้าว เริ่มแรกใช้วิธีการทุบข้าว ต่อมาใด้ทำครกตำข้าวขึ้นสองรูปแบบคือครกซ้อมมือหรือครกกระเดื่องหรือครกมองมีรายละเอียดดังนี้ ครกมือ เป็นครกตำข้าวที่ใช้มืจับสากตำข้าวเปลือก ส่วนประกอบของครกมือมีดังนี้ 1. ตัวครอ เป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่ ที่มีความยาวประมาณ 80-90 เซนติเมตรมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 50-60 เซนติเมตรเจาะตรงกลางเป็นร่องลึกโดยใช้ขวานฟันเอาแกลบใส่เป็นเชื้อและจุดไฟเผาส่วนกลางของท่อนไม้ เผาเป็นโพรงให้มีขนาดลึกตามต้องการ ขัดภายในให้เกลี้ยงเกลาตัวครกมีสองขนาด คือครกขนาดใหญ่ และครกขนาดเล็ก ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง 2. สาก ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง มีความยาวขนาดสองเมตร มีลักษณะปลายทั้งสองข้างโค้งมน หัวสากทุ่มนใหญ่ ปลายสากมนเรียวเล็ก ตรงกลางลำตัวสากคอดกลมกลึงพอดีกับมือกำอย่างหลวม ปลายสากมีไว้ตำข้าวตำ หัวสากมีไว้ตำข้าวซ้อม ผู้ตำข้าวซ้อมมือนี้ ตำกันเป็นกลุ่มครั้งละ 2-3 คน ผู้ตำ ข้าวส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน วิธีตำข้าวมีลำดับดังนี้ 2.1 นำข้าวที่จะตำไปผึ่งแดดหนึ่งวันเพื่อให้ข้าวแห้งจะบุบเปลือกง่ายขึ้น 2.2 นำข้าวมาเทลงในครกจำนวนพอเหมะ ใช้คนตำสองสามคนมีจังหวะการตำที่ไม่พร้อมกัน 2.3 ใช้เวลาในการตำข้าวนาน จนกว่าจะเหลือข้าวเปลือกจำนวนน้อยที่ปนอยู่ในข้าวสาร แล้วเก็บกากออก
|
||||
![]() |
||||
![]() |
||||
แหล่งข้อมูล ศูนย์สารนิเทศอีสานสิรินธร สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม |
||||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |