 |
 |
 |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "อีสาน" ( Isan ) มีพื้นที่ ทั้งสิ้นประมาณ 170,226 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 19 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี และอุบลราชธานี ประชากรที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคอีสานก็มีหลายเผ่าพันธุ์ เช่น ผู้ไท ญ้อ ข่า กะเลิง โส้ แสก ส่วย ไทดำ ลาวพวน ฯลฯ กลุ่มชนเหล่านี้จะมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณี และภาษาพูดที่แตกต่างกันแสดงออกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
ถึงแม้ว่าดินแดนแถบนี้จะประสบกับปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งสภาพพื้นดินที่แห้งแล้งกันดาร ดินไม่มีความอุดมสมบูรณ์ และประชากรยากจน แต่อย่างไรก็ตามยังค้นพบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าในอดีตนั้น ดินแดนภาคอีสานเป็นแหล่งที่มีความเจริญรุ่งเรือง เป็นแหล่งอารยธรรมมายาวนานหลายพันปี ซึ่งพบได้จากแหล่งโบราณคดีหลายแห่ง จากการค้นพบแหล่งโบราณคดีเหล่านี้ จึงแสดงได้ว่าภาคอีสานเป็นดินแดนที่มีอารยธรรมอันเก่าแก่ ่และมีมรดกทางความคิดอันถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น มาช้านาน เรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับภาคอีสานได้รับการถ่ายทอดจากผู้รู้ ผู้ที่สนใจและผู้ที่ได้พบเห็นอยู่ในรูปของคำบอกเล่า เอกสารต้นฉบับตัวเขียน ใบลาน หนังสือ รูปภาพ ฯลฯ สารสนเทศเหล่านี้ มีการจัดเก็บที่กระจัดกระจายอยู่ในแหล่งต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่สนใจไม่มีโอกาสได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับอีสานตามที่ตนต้องการได้อย่างสมบูรณ์
ศาสตราจารย์ ดร. ฉวีลักษณ์ บุณยะกาญจน ท่านได้ตระหนักถึงความต้องการสารสนเทศอีสานของผู้ใช้บริการ จึงเกิดแนวคิดริเริ่มจัดตั้ง " ศูนย์เอกสารอีสาน" ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางบริการสารสนเทศที่เกี่ยวกับภูมิภาคอีสาน โดยในระยะเริ่มแรกมีผู้มาขอใช้บริการสารสนเทศอีสานที่สำนักวิทยบริการทั้งจากกลุ่มคณะทำงานตามโครงการพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ กลุ่มนักวิจัยคณะทำงานการพลังงานแห่งชาติ และกลุ่มนักวิจัยอื่นๆ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับภูมิภาคอีสานอยู่ในขณะนั้น มักจะติดต่อสอบถามและโทรศัพท์มาถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับภาคอีสานอยู่เสมอ คำถามเหล่านี้เมื่อมีจำนวนมากขึ้นทางสำนักวิทยบริการจึงได้เก็บรวบรวมไว้ พร้อมทั้งค้นหาข้อมูล คำตอบจนมีจำนวนข้อมูลอีสานเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เป็นศูนย์กลางบริการสารสนเทศที่เกี่ยวกับอีสาน โดยเริ่มดำเนินการจัดเก็บและบริการสารสนเทศอีสาน ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2513
หน้าต่อไป |
 |